Hypertension Update
Refractory Hypertension. Determination of Prevalence, Risk Factors, and Comorbidities in a Large, Population-Based Cohort 2194 View(s)
Refractory Hypertension. Determination of Prevalence, Risk Factors, and Comorbidities in a Large, Population-Based Cohort

โดย David A. Calhoun และคณะ

วารสารวิชาการ Hypertension 2014;63:451-458

บทคัดย่อ
ภาวะ refarctory hypertension เป็นภาวะที่มีความล้มเหลวในการรักษา. ผู้เข้าร่วมในการศึกษา the REasons for Geograhic And Racial Differences in Stroke (REGARDS) ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยจำนวนมากถึง 30,239 คน เป็นการศึกษาแบบ population based cohort ได้ทำการประเมินความชุกของภาวะ refractory hypertension และความสัมพันธ์ต่อปัจจัยเสี่ยง
ด้านระบบหัวใจและหลอดเลือด และโรคอืนๆ. ภาวะ refractory hypertension หมายถึงระดับความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยมีความดันซิสโตลิก/ความดันดัยแอสโตลิกมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอทในขณะที่ได้รับยาลดความดันโลหิตมากกว่า 5 กลุ่ม. ผู้ป่วยทีเข้าร่วมการศึกษานั้นมีภาวะ resistant hypertension (หมายถึง ความดันซิสโตลิก/ดัยแอสโตลิก มากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท ในขณะที่ได้รับยาลดความดันโลหิตมากกว่าหรือเท่ากับ 3 กลุ่ม หรือความดันโลหิตน้อยกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอทในขณะที่ได้รับยาลดความดันโลหิต มากกว่าหรือเท่ากับ 4 กลุ่ม.

ผู้ป่วยจำนวน 14,809 รายในการศึกษา REGARDS ได้รับยาลดความดันโลหิต โดยพบภาวะ refractory hypertension จำนวน 78 ราย (คิดเป็นร้อยละ 0.5) ความชุกของภาวะ refractory hypertension เท่ากับร้อยละ 3.6 ในกลุ่มที่เป็น resistant hypertension (n= 2144) และร้อยละ 41.7 ในกลุ่มที่ได้รับยาลดความดันโลหิตมากกว่าหรือเท่ากับ 5 กลุ่ม.

ปัจจัยของผู้ป่วยที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะ resistant hypertension ได้แก่ เชื้อชาติผิวดำ, เพศชาย, living in stroke belt หรือ buckle, ดัชนีมวลกายสูง , ชีพจรช้า,, ค่า glomerular filtration rate ลดลง , ภาวะ albuminuria , โรคเบาหวาน , มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ.

เมื่อเปรียบเทียบกับภาวะ resistant hypertension พบว่า ความชุกของการเป็น refractory hypertension นั้นพบสูงขึ้นในปัจจัย เชื้อชาติผิวดำ (3.00; 95% confidence interval[CI], 1.68 ถึง 5.37) , ภาวะ albuminuria (2.22; 95% CI, 1.40 ถึง 3.52) และโรคเบาหวาน (2.09 ; 95% CI, 1.32 ถึง 3.31).

พบว่าในกลุ่ม refractory hypertension มีค่ามัธยฐานของ 10-year Framingham risk สำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง สูงขึ้นกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ.