โดย Juliana M Leal วารสารวิชาการ J Sports Med Phys Fitness 2022 Feb;62(2):273-279. ที่มา : ประวัติครอบครัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับการพัฒนาการเกิดโรคความดันโลหิตสูงในเด็ก. ดังนั้น การป้องกันแบบปฐมภูมิ (primary prevention) จึงเน้นในผู้ที่ที่มีความเสี่ยงด้านพันธุกรรมดังกล่าว. วิธีการศึกษา : การทดลองแบบสุ่มกลุ่มนี้ (randomized clustered trial) มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบ ผลของการฝึกแบบแอโรบิก (aerobic training) 4 แบบต่อภาวะความดันเลือดต่ำหลังออกกำลังกาย (postexercise hypotension). ผลลัพธ์ปฐมภูมิ (primary outcomes) ได้แก่ ความดันโลหิตซิสโตลิก (systolic blood pressure, SBP) และความดันโลหิตดัยแอสโตลิก (diastolic blood pressure, DBP). ผลลัพธ์ทุติยภูมิ (secondary outcomes) ได้แก่ การวิเคราะห์การดูดซึมออกซิเจนสูงสุด (peak oxygen uptake), อัตราการเต้นของหัวใจ (heart rate) และความรู้สึกเมื่อออกแรง (subjective perceived exertion). เพศชาย จำนวน 9 รายที่มีระดับความดันโลหิตปกติ ถูกสุ่มเข้าในการออกกำลังกาย isocaloric sessions (200 kcal) 4 แบบ : 1. high-intensity continuous training (HICT) 2. moderate-intensity continuous training (MICT) 3. high-intensity interval training (HIIT) 4. moderate-intensity interval training (MIIT) ผลการศึกษา : พื้นที่ใต้เส้นโค้ง (area under the curve, AUC) แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างเซสชันสำหรับ SBP (F(3;8)=3.2; P=0.04) โดยแบบ MICT ส่งเสริมการลดลงของความดันโลหิตที่มากกว่าแบบ MIIT (P < 0.05) สำหรับความดันโลหิต DBP ก็พบมีความแตกต่าง (F(3;8)=15.3; P<0.001) โดยแบบ HICT ลดลงมากกว่า แบบ HIIT (P<0.05) และแบบ MIIT (P<0.05). สำหรับ SBP พบว่า โปรโตคอลความเข้มปานกลาง (moderate-intensity protocols) ให้การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องทางคลินิก (clinically relevant changes, CRC) ใน 11.1 % ของบุคคล และโปรโตคอลความเข้มสูง (high-intensity protocols) มี CRC ใน 50 % (χ2=6.41; P=0.011). สำหรับ DBP, มี CRC ใน 27.8 % ของสภาวะต่อเนื่อง (continuous conditions)และ ไม่มีอยู่ในช่วง (none in the intervals) (χ2=5.81; P=0.016). สรุป : เซสชั่นการฝึกอบรมทั้งหมด ส่งเสริมความดันเลือดต่ำหลังการออกกำลังกาย สำหรับ DBP และแบบ HICT (high-intensity continuous training) ให้การลด AUC ที่สูงขึ้น. การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องทางคลินิก (CRC) สำหรับ SBP พบว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับความเข้นข้นของการออกกำลังกาย (intensity). ในขณะที่ CRC สำหรับ DBP พบว่าสัมพันธ์กับกริยาของการออกกำลังกาย (modality). credit thumbnail image: encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQEBcLxmQO-6DLPcTSVGRb_SHMVPuAUIMUSZA&usqp=CAU.